ปัจจุบันที่สังคมเปิดกว้างและยอมรับความสัมพันธ์ในเพศเดียวกัน ทำให้เกิดการสร้างสรรค์สื่อที่พยายามสะท้อนมุมมองความคิดเรื่องราวของบุคคลเหล่านี้ให้สังคมได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น จึงเป็นเหมือนประตูที่สร้างความชัดเจนและตัวตนให้สังคมได้เข้าใจก้นบึ้งของความรู้สึกต่าง ๆ นายนฤเบศ กูโน หรือ บอส ผู้กำกับภาพยนตร์หน้าใหม่ไฟแรงในวัย 30 ปี ถือว่าอายุน้อยที่สุดและอยู่ระดับแถวหน้าของเมืองไทย ผู้เขียนบทภาพยนตร์ซีรีส์ชื่อดังอย่าง “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 3” และได้กำกับหนังเรื่องแรกเรื่อง “Side by Side พี่น้องลูกขนไก่” และภาพยนตร์ซีรีย์เรื่อง “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” เป็นภาพยนตร์แนว ชายรักชายได้รับเสียงตอบรับ จากแฟนคลับ LGBTQ+ อย่างมากโด่งดังไปถึงจีนและต่างประเทศ
บอสบอกว่า การจะสร้างภาพยนตร์หรือซีรีส์ไม่ใช่เรื่องง่าย การที่ได้รับโจทย์มา สิ่งที่ผู้กำกับต้องทำคือการทำความเข้าใจเนื้อหา เข้าใจตัวละคร เข้าใจการเล่าเรื่อง และที่สำคัญการสร้างภาพยนตร์หรือซีรีส์สามารถสร้างผลกระทบกับสังคมในด้านความคิด จึงเป็นงานท้าทายและละเอียด โดยเฉพาะกับเรื่องราวการถ่ายทอดความรักของเพศเดียวกัน ซึ่งมีความละเอียดอ่อนและมีผลกระทบเกิดขึ้นได้หากการสื่อสารหรือเล่าเรื่องนั้นผิดความหมาย การเล่าเรื่องของภาพยนตร์หรือซีรีส์วาย พยายามหยิบรสนิยมมาเล่าเรื่อง เพราะการเติบโตของทุกคนมีความแตกต่างหลากหลายกันอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็สอดแทรกความสวยงามของสถานที่หรือโลเคชั่น
“ภูเก็ต เป็นโลเคชั่นหนึ่งที่เราเลือก จุดเริ่มต้นเราต้องการให้คนได้เห็นความสวยงามของภูเก็ต เพราะคิดว่า นอกจากจะทำเนื้อเรื่อง รวมทั้งตัวละครให้มีความสมจริง และเนื้อหาสนุกแล้ว ก็อยากทำให้เกิด Soft Power ของไทย ได้เหมือนที่เกาหลีทำก็จะดีมาก ๆ แต่ก็ไม่ได้กดดันว่าต้องใส่ลงไปให้หนัก แต่เราคิดว่าเรามีวัตถุดิบอะไรแล้วเราก็ปรุงให้มันดี อาหารน่ากินเราก็ปรุงบทให้ดี แต่ไม่ได้กดดันว่าจะต้องมีอะไรเยอะ พยายามดึงข้อดีให้ได้มากที่สุด และมันก็สามารถเป็น Soft Power ได้จริง ๆ นี่คือความภาคภูมิใจ”
วันนี้ภาพยนตร์ที่ผมสร้าง มีพลัง Soft Power สูงมาก จนเป็นอีกหนึ่งแรงที่ทำให้ภูเก็ตกลายเป็นสถานที่ที่คนจีนชอบมาก ผมรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ผมทำ
บอสบอกว่า การที่จะทำให้งานเป็นที่ยอมรับนั้น สิ่งสำคัญคือการทำสิ่งที่รักและมองหาอิมแพกต์ที่เราอยากให้เกิดหรือเปลี่ยนแปลง เป้าหมายของบอสคือต้องการเปิดมุมที่น่าสนใจของ LGBTQ+ ให้คนเข้าใจและเกิดการยอมรับในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ยังต้องอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างวัย ต่างมุมมอง ซึ่งสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาทำให้พ่อแม่เห็นและสังคมยอมรับในสิ่งเหล่านี้ได้มากขึ้น และเข้าใจมากขึ้น ทำให้เยาวชนสามารถเปิดเผยสิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งที่ตัวเองต้องการได้ออกมามากขึ้น เท่ากับทำให้สังคมของครอบครัวเข้าใจกันมากขึ้น ขณะเดียวกันสังคมวงกว้างก็เข้าใจและยอมรับ LGBTQ+ ได้อย่างดี
ภาพยนตร์และซีรีส์ของบอสสะท้อนเรื่องราวความรักของคนเพศเดียวกันได้อย่างสวยงามจนดังไกลถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน จนเหล่านักแสดงกลายเป็นไอดอล และภูเก็ตกลายเป็นสถานที่ที่คนจีนอยากมาเที่ยว นับเป็นการสร้างความยั่งยืนจากงานภาพยนตร์ได้อย่างดีเยี่ยม
“ยิ่งหนังสำเร็จ มีคนรู้จัก แสดงว่ามีคนดูเยอะ แสดงว่าคนสนใจและไม่รังเกียจ มีคนเปิดรับ LGBTQ+ เยอะ เท่ากับเราทำให้สังคมดีขึ้น นี่ก็นับเป็นอีกความสำเร็จที่มากกว่าการสร้างภาพยนตร์”
บอสบอกว่า วงการสร้างหนังสร้างละครจากนี้ไปจะมองแต่แค่ความบันเทิงไม่ได้ ต้องใส่คอนเทนต์ที่เป็นเรื่องจริง เป็นตัวแทนของคนในการพูดเรื่องราวต่าง ๆ สู่สังคม และสะท้อนสังคมควบคู่ไป
การเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงได้นั้นคือการที่เราสามารถกำหนดแนวคิดทางสังคมให้เชื่อหรือมองอย่างที่เราสื่อสาร ดังนั้นการเล่าเรื่องในมุมความบันเทิง จึงเป็นอีกหนึ่งการสื่อสารที่สำคัญที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมอย่างที่ภาพยนต์และซีรีส์วายของบอสได้ทำออกสู่สายตาชาวไทยและนานาชาติ
Naruebet Kuno | GDH 559 Co., Ltd.
A Thai director who makes Thailand internationally with soft power
“Today, the TV series that I made had some kind of soft power. Phuket has become Chinese tourists’ favorite spot and I couldn’t be prouder.”
Society has witnessed positive change in the last decade. We have opened up and embraced same-sex relationships, allowing media creators to reflect their stories onto society at large. Naruebet Kuno the youngest and most upcoming movie director, penned several successful scripts for movies and TV series such as Hormones: The Series (Season 3). The first movie he directed, Side by Side, and the TV series, I told Sunset about you were so well-received that they became big hits in China and other countries.
To Naruebet, making a movie or TV series is never easy. When a director is given a prompt, he/she needs to understand the content, characters, and narrations. “A movie or a TV series can have a lot of social impact and therefore it’s very challenging, especially when it’s related to the LGBTQ+ group,” explained the director. “While telling the story, I also have to find a way to portray the exquisite beauty of the location.”
To have your work accepted, Naruebet suggested that you have to love it and look for the impact you want to have. For him, he wishes to project the interesting lives of LGBTQ+ people and to call for more acceptance, especially for LGBTQ+ teenagers who may have to remain closeted while living with their parents. “When my work is well-received, there’s a chance that people will see the LGBTQ+ people more positively and that’s more important than the movie making itself,” Naruebet remarked.