เราจะได้เห็นข่าวสารการล่วงละเมิดทางเพศและการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในครอบครัวและสังคมอยู่บ่อยครั้ง และรุนแรงมากขึ้น ที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วผู้ถูกกระทำขาดที่พึ่งพิงสำคัญที่จะช่วยเหลือเยียวยา จนก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา คุณปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือ บุ๋ม อดีตนางสาวไทยประจำปี 2543 ประธานองค์กรทำดี ผู้ที่ลุกขึ้นมาจัดตั้งองค์กรช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดอย่างจริงจัง ตั้งแต่ศึกษากฎหมาย รวมทั้งเป็นตัวตั้งตัวตีในการล่ารายชื่อประชาชน เพื่อนำไปยื่นต่อสภาเพื่อต้องการเปลี่ยนกฎหมายในปี 2557 ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ทำงานช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กมาโดยตลอด
ปีนี้นับได้ว่าย่างเข้าสู่ปีที่ 10 แล้วที่คุณบุ๋มก้าวเข้ามาช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกคุกคามทางเพศ โดยเริ่มจากปี 2557 ที่เสนอให้มีการเปลี่ยนกฎหมายเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการคุกคามทางเพศ ผู้ต้องหาฆ่าข่มขืนต้องเจอโทษประหารชีวิต จากนั้นก็ได้เริ่มรับและช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกคุกคามทางเพศ ทั้งเรื่องการค้ามนุษย์ ข่มขืน อนาจาร การทำร้ายร่างกาย และการกระทำความผิดทางเพศอีกหลายรูปแบบ รวมถึงการถูกกดขี่สิทธิสตรีและการดูแลลูกในแม่เลี้ยงเดี่ยว
คุณบุ๋มมองว่าปัญหาการคุกคามทางเพศมีสาเหตุมาจากการที่ไม่มีการสร้างความเข้าใจและการสอนถึงเรื่องของสิทธิทางเพศกันตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่ในครอบครัวและโรงเรียน สิ่งที่สำคัญคือเราต้องเริ่มสอนกันตั้งแต่ในสถาบันครอบครัว โรงเรียนที่อยู่ร่วมกัน ต้องสอนเรื่องของการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม
ผู้ถูกกระทำควรได้รับความคุ้มครอง ไม่ใช่ถูกซ้ำเติม และสิ่งที่สำคัญที่สุด สังคมต้องส่งเสริมคนดี...ไม่ละเว้นคนชั่ว
“ต้องยอมรับว่าหน่วยงานภาครัฐทุกวันนี้ก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ตามกำลังที่ทำได้ แต่ปัญหาคือข้อจำกัดเยอะ เช่น บ้านพักที่จะรับผู้หญิงที่โดนทำร้ายร่างกายในช่วงกลางคืน ไม่ใช่ว่าจะรับได้ 24 ชั่วโมง และไม่ใช่ว่าจะรับได้ทุกคน เจ้าหน้าที่ก็มีไม่เพียงพอ ท้ายที่สุด ก็ช่วยไม่ได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ทางภาครัฐสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่และอย่างเท่าเทียม องค์กรเอกชน ไม่จำเป็นต้องมีเลย เรื่องการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันเกิดขึ้นได้หลายแง่มุม นอกเหนือจากการที่ร่างกายสัมผัสกัน การใช้สายตาและคำพูด การคุกคามทางเพศในโรงเรียนและที่ทำงาน แม้กระทั่งคำพูดในโซเชียล มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญและต้องไม่เพิกเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ทางภาครัฐต้องจริงจังกับการทำโทษ สื่อมวลชนต้องขยายความ ว่าคนที่ทำผิดต้องเจอกับอะไร ต้องได้รับโทษหนัก คนที่ถูกกระทำควรได้รับความคุ้มครองไม่ใช่ถูกซ้ำเติม และสิ่งที่สำคัญที่สุด สังคมต้องส่งเสริมคนดีและไม่ละเว้นคนชั่ว”
ซึ่งสิ่งที่คุณปุ๋มทำนั้น นับเป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมต่างร่วมกันตระหนักในการแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศ และเป็นการแสดงพลังในการสร้างกลุ่มคนเพื่อให้มีพลังในการช่วยเหลือกัน นับเป็นโมเดลที่ปรับเปลี่ยนบทบาทของสังคมจากแค่ผู้ดูผู้เสพสื่อมาเป็นผู้ช่วยกันป้องกันและฟื้นฟูสังคมแห่งการช่วยเหลือให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
คุณบุ๋มพยายามมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงกฎหมายซึ่งเป็นตัวตั้งต้นในการสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม รวมทั้งกระตุ้นเตือนให้สังคม ให้ทุกคนมีส่วนร่วมและช่วยกันป้องกันลูกหลาน เพื่อให้เกิดสังคมที่เข้มแข็ง
Dr.Panadda Wongphudee️ | Founder of Goodness Foundation
Preventing sexual harassment of children and women, by addressing the core problem
“Victims should be protected, not insulted. Society must support the good and punish the bad.”
Dr. Panadda Wongphudee, widely known as Boom, is former Miss Thailand 2000 and founder of Goodness Foundation. She has devoted herself to assist children and women who have been gravely abused. She began by studying law and was a key person in compiling a list of people to present to the House of Commons in 2014 in order to have the legislation modified. This year marks Boom’s tenth year of assisting victims of sexual harassment. It was proposed in early 2014 that the legislation be altered to effectively prevent sexual harassment. One of the proposals was that rapists get a death sentence. After that, she started receiving and assisting victims of sexual crimes, such as human trafficking, indecency, and physical assault.
Boom believes that the problem of sexual harassment stems from a lack of awareness and teaching of gender rights in the family and at school. We must begin teaching those things at the family institution and school. In addition, punishment must be taken seriously by government authorities. Wrongdoers must be harshly punished, and they should be banned from all the publicity.
Boom had made great contributions to Thai society. She has raised people’s awareness of sexual harassment. Her dedication demonstrates the ability to bring people together to help one another. It is a paradigm that has transformed society and its people. We are no longer just media consumers. Instead, we can protect and restore hope and faith in our society.