top of page
  • Writer's pictureNIA 100 FACES

สุวรรณฉัตร พรหมชาติ | ห่วงโซ่แห่งความดีจากหนึ่งคนสร้าง หลายคนสานต่อ สร้างสังคมแห่งคนดีอย่างยั่งยืน

Updated: May 13, 2023




การทำความดีด้วยใจที่นึกถึงบุคคอื่นนั้นนับเป็นความเอื้ออารีที่สามารถทำได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ ทุกฐานะ และทุกระดับการศึกษา เป็นพลังสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นสังคมแห่งความเห็นอกเห็นใจในการเห็นคุณค่าของชีวิตกันและกัน วันนี้ คุณสุวรรณฉัตร พรหมชาติ หรือแท็กซี่อุ้มบุญ ชายวัย 45 ปี ผู้ที่มีเติบโตมาด้วยชีวิตที่เต็มไปด้วยความขาดแคลน แต่ก็เคยได้รับโอกาสจากคนที่ไม่รู้จักกันให้การช่วยเหลืออย่างไม่คิดหวังสิ่งตอบแทน จึงทำให้เกิดความคิดว่าเมื่อมีโอกาสที่ตนเองจะเป็นฝ่ายให้ได้ ก็จะขอใช้โอกาสนั้นอย่างเต็มความสามารถ


คุณสุวรรณฉัตรเล่าถึงที่มาของฉายา “แท็กซี่อุ้มบุญ” ว่ามาจากการที่ตนเองอุ้มผู้ป่วยทุพพลภาพ ติดเตียง ผู้สูงอายุไปหาหมอตั้งแต่วัย 18 ปี จนถึงปัจจุบันอายุ 45 ปีแล้ว โดยทำควบคู่กับการรับผู้โดยสารเพื่อหาเลี้ยงชีพ มีความสุขอิ่มใจทุกวันที่กลับบ้าน เพราะถือว่าได้ช่วยเหลือคน เป็นการทำบุญไปในตัว คนที่ช่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยทุพพลภาพนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพาไปหาหมอตามที่หมอนัด ช่วยฟรีไม่ว่าคนป่วยจะมีฐานะยากจนหรือรวย เพราะเป้าหมายของการทำคือการช่วยผู้ที่เดือนร้อนเจ็บป่วยให้ได้รับการอำนวยความสะดวก คนที่รวยแม้มีเงินแต่เมื่อยามเจ็บป่วยก็ต้องการคนพึ่งพิง ดั้งนั้นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันจึงกว้างขวางทำได้ทันที


“ถ้ารอให้รวยก่อนชาตินี้ก็คงไม่ได้ทำ พอได้ทำก็เป็นเหมือนการเสพติดการทำความดี ไม่ใช่แค่ความสุขใจอิ่มใจที่ได้เท่านั้น แต่สิ่งที่เราทำยังสร้างแรงกระเพื่อมในการกระตุ้นให้คนเข้าใจมิติของการช่วยเหลือกันว่า จริงๆ แล้วเราสามารถช่วยคนได้แม้จะไม่ใช่คนร่ำรวย แต่เราสามารถช่วยได้ในมิติที่เรามี และเป็นสิ่งที่สังคมต้องการ การช่วยคนไม่ได้ใช้แค่เรื่องเงิน แต่คนยังต้องการความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ อีกมาก สิ่งที่ผมทำทำให้เกิดส่งต่อความดีเพิ่มขึ้น”



เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่เอาความดีนำทางชีวิต เพื่อเป็นเส้นทาง ในการช่วยเหลือคนอื่นต่อไป

คุณสุวรรณฉัตรบอกว่า การสร้างการรับรู้ในมิติที่เปลี่ยนไปในเรื่องของการช่วยเหลือคนแบบตนเองนั้น สามารถที่จะสร้างห่วงโซ่แห่งความดีได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในการขอมีส่วนร่วมในการทำความดีในสังคม เช่นไปกินข้าวก็ได้กินฟรีเพราะอยากช่วยทำบุญ ร้านยางรถยนต์ ร้านแบตเตอรี่ก็เปลี่ยนให้ฟรีตลอดเพราะขอเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดความดี นอกจากนี้ยังพัฒนาอุปกรณ์การอุ้มผู้ป่วยให้มีความสะดวกขึ้น และได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยบริจาครถคันใหม่ให้พร้อมกับติดเบาะสไลด์เพื่อจะช่วยอุ้มคนป่วยขึ้นรถได้อย่างง่ายขึ้นสามารถรองรับผู้ป่วยน้ำหนักมาก ๆ ให้สามารถอุ้มขึ้นรถได้


“สิ่งของผู้ใจบุญที่บริจาคให้ เราก็เอาไปมอบให้กับผู้ป่วย เปรียบเหมือนเราเป็นสะพานบุญ ที่สำคัญเราต้องรักษาความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง เป็นการสร้างธรรมาภิบาลในตนเอง”


สิ่งเหล่านี้ที่เกิดจากหัวใจของคุณสุวรรณฉัตร มาจากการยึดหลักตามคำสอนของในหลวงรัชการที่ 9 สร้างความดีให้สังคม เพื่อให้สังคมเพิ่มคนดี เมื่อสังคมดีประเทศชาติก็จะดี เกิดความผาสุกและความยั่งยืนได้ในที่สุด ทุกวันนี้ก็ยังคงเห็นแท็กซี่อุ้มบุญยังคงตระเวนทำหน้าที่ของคนตัวเล็ก ๆ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เกิดสังคมแห่งคนดีและขยายสู่คนอื่น ๆ อย่างไม่สิ้นสุด


ห่วงโซ่แห่งความดีจะไม่สิ้นสุด ยังคงสืบสานบนรากแห่งความดีที่ถูกหว่านไว้ในสังคม “แท็กซี่อุ้มบุญ” คือแรงบันดาลใจที่สำคัญที่เปลี่ยนมุมมองแห่งการทำความดี ทำบุญ จากที่เคยยึดแต่วัตถุสิ่งของบริจาค ให้กลายเป็นการให้บริการ และมอบแรงกาย เพื่อให้ผู้คนได้ประโยชน์ตามแต่สิ่งที่ตนเองมี นับเป็นแนวคิดที่ส่งต่อความยั่งยืนผ่านการกระทำความดีที่เรียบง่ายและทำได้ทุกคน



 

Suwannachat Phromchat | Volunteer

building a chain of goodness, building a sustainable, decent society


“I am just a nobody, using good moral to live a life and to help others along the way.”


Mr. Suwannachat Phromchat, a 45-year-old taxi driver, explained the origin of his moniker “Taxi Umboon,” which stems from transporting disabled patients and the elderly to the doctor. From the age of 18 until the present, he has been doing this in addition to receiving passengers for a living. The majority of those whom he has assisted are disabled individuals in Bangkok and adjacent regions. He assists them for free, regardless of whether the patient is poor or wealthy, because the objective of doing so is to assist people who are in need.


Suwannachat remarked that to establish a chain of good actions, one can set him/herself as an example before requesting others to engage in doing good for society. This small act of kindness has resulted in the development of equipment to transport patients in a more convenient manner, and he has obtained backing from CEOs of large Thai corporations who donate new automobiles with sliding seats to help transport sick people into the car more easily, capable of supporting very heavy patients.


Today, the “Taxi Umboon” is still patrolling the responsibility of a tiny individual who wants to alter society in order to establish a community of decent people that may be extended indefinitely to others. The chain of goodwill will never stop since it is still anchored in the good that is sowed in society.































16 views0 comments
bottom of page