เมื่อโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืน แบรนด์ Hexa จึงตอบโจทย์ด้วยแนวคิดรักษ์โลก เทคโนโลยี และดีไซน์คลาสสิกที่ไม่ตกยุคอย่างรวดเร็ว
จากบัณฑิตสาวด้านบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ผันตัวมาทำงานด้านครีเอทีฟและมาร์เก็ตติงอยู่หลายปี ก่อนจะลาออกไปเป็นไกด์ในการพาชาวต่างชาติท่องเที่ยวในเมืองไทย แต่เนื่องจากมีความสนใจด้านบริหารเป็นทุนเดิม “ทราย - อนุตรา มหัทธนารักษ์” ตัดสินใจกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวซึ่งทำโรงงานผลิตกระเป๋าหนังส่งออกให้แบรนด์ไทยและแบรนด์นอก ต่อมาเธอได้พบกับ “Lisa McKeithen” ดีไซเนอร์ออกแบบรองเท้าของ “Clarks USA” ทั้งคู่จึงก้าวมาเป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจร่วมตั้งแบรนด์รองเท้า “HEXA” (เฮ็กซ่า) ที่ไม่ใช้หนังสัตว์ในการผลิต ปัจจุบันทำได้มา 2 ปีกว่าแล้ว
อนุตราซึ่งดำรงตำแหน่งซีอีโอ เล่าว่า “ทรายคุยกับพาร์ตเนอร์ว่า เราอยากผลิตรองเท้าส้นสูงใส่สบาย โจทย์คือไม่ใช้หนังสัตว์เลย เพราะที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับหนังสัตว์มาตลอด เพราะหนังวัวหนึ่งตัวนำหนังมาปักสวย ๆ ได้แค่บางส่วน และเอาแนวคิด Vegan Fashion ซึ่งเริ่มเป็นที่สนใจในระดับโลกมาจับไม่ต้องการอะไรที่เกี่ยวกับสัตว์เลย” แบรนด์ HEXA จึงถือกำเนิดขึ้นโดยมีจุดขาย 3 ข้อ ได้แก่ Comfort (ความนุ่มสบาย), Technology (มีนวัตกรรมในการออกแบบ) และ Compassionate Living (เป็นมิตรต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม) อนุตราอธิบายเพิ่มเติมว่า “แนวคิดเป็นมิตรต่อสัตว์” หมายถึงไม่ใช้หนังสัตว์ในการผลิตอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นหนังหมู วัว จระเข้ นกกระจอกเทศ หรือขนสัตว์ทุกชนิดก็ตาม ส่วน “แนวคิดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” จะเน้นการออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่ไม่รบกวนธรรมชาติและก่อให้เกิดมลพิษทางการผลิตน้อยที่สุด
เราจะคิดรอบด้านว่าสิ่งที่ทำส่งผลกระทบ ต่อรอบข้างอย่างไร ในอนาคตจะเปลี่ยนไป ผู้บริโภคเลือกซื้ออย่างชาญฉลาดมากขึ้น
“แต่เราก็เข้าใจว่าในแง่โพรดักต์ ไม่สามารถขายโดยใช้ความวีแกนได้ เราจึงเน้นคุณสมบัติของรองเท้าที่สวมใส่สบาย นี่คือสิ่งที่คลาสสิก โดยนำโฟมถนอมเข่าที่รองเท้ากีฬาแบรนด์ดัง ๆ ใช้กัน มาเสริมอยู่ในรองเท้าแฟชั่น ซึ่งโฟมตัวนี้มีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรียจากเหงื่อ และผลิตด้วยกระบวนการที่ใช้น้ำมันละหุ่งแทนน้ำมันปิโตรเลียม ช่วยลดโลกร้อนค่ะ” เธอมองว่าในอนาคตเทรนด์แฟชั่นต้องหันไปทางนี้แน่นอน ทุกแบรนด์หันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่จะเพิ่มคุณค่าในแง่การรับรู้มากยิ่งขึ้น เช่น ต้องใช้วัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โรงงานไม่ปล่อยน้ำเสียพนักงานทำงานไม่เกิน 8-10 ชั่วโมงต่อวัน ฯลฯ ซึ่งจะกลายเป็นแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญ ลูกค้าเองก็จะหันมา บริโภคและอุดหนุนสินค้าที่มีคุณค่าในแง่นี้มากยิ่งขึ้นด้วย
“การได้ทำแบรนด์ HEXA ทำให้เราได้เห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำ อาจจะรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เราคิดรอบด้านว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลกระทบต่อรอบข้างอย่างไรบ้าง เชื่อว่าโลกรีเทลในอนาคตจะเปลี่ยนไป ผู้บริโภคเลือกซื้ออย่างชาญฉลาดมากขึ้น เขาจะเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่ชอบจริง ๆ คนก็จะหันมาสนับสนุนและใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม”
“เราไม่หวังว่าทั้งโลกจะเป็นวีแกน เราไม่สามารถไปตราหน้าคนที่ใช้หรือกินเนื้อสัตว์ว่าไม่ดีแต่เราต้องทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากพอเพื่อที่เขาอาจมาชอบ ไม่ได้ทำแบรนด์เพื่อเปลี่ยนความคิดคนทั้งโลกว่าต้องมาคิดเหมือนเรา รองเท้าที่ทำออกมาเราออกแบบให้คลาสสิก ไม่ใช่แบรนด์แฟชั่นที่ต้องมีสินค้าตามฤดู ตัวตนของเราไม่ต้องการให้คนหลงความพิเศษที่ต้องชอปปิงปีละ 4-5 คอกเลกชัน”
สุดท้ายนี้เธอไม่ลืมที่จะส่งต่อแรงบันดาลใจไปยังหลาย ๆ คนที่กำลังสร้างแบรนด์ “ผู้เริ่มต้นลงทุนสร้างแบรนด์คงรู้สึกว่ามันยากมาก ๆ หลายคนท้อ ตั้งคำถามว่าเรามาถูกทางเปล่า การทำแบรนด์ต้องผ่านจุดที่รู้สึกว่าเราได้รับความสนใจน้อย แต่หากสิ่งที่ทำเป็นตัวตนของคุณจริง ๆ ก็ให้ฮึดสู้ ทรายมองว่าแบรนด์ที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของเราอย่างชัดเจนเท่านั้น…ถึงจะอยู่รอด”
HEXA, a Vegan Fashion for Comfort
Anutra or Sy is the chief executive officer of the brand HEXA. Graduated from Mahidol University International College, majoring in International Business, she took up a variety of jobs, from a marketer to a tour guide. Driven by her interest in marketing and management, she eventually decided to help run her family business. Having met and worked with Lisa McKeithen, a designer of the famous shoes brand, Clarks USA for a couple of years, the brand HEXA which produces shoes from non-genuine leather was conceived. She would like to produce comfortable high heels without using any genuine leather. Most of the materials should be friendly to the environment because today’s customers also share the concerns over the environment. HEXA has three main selling points: comfort, technology, and compassionate living. “Our brand produces only a classic collection. We don’t aim for 4 to 5 collections a year, but we would like the customers to be able to buy our shoes any time as they want.” Sy’s suggestions for those who want to create their own brand to fight for success are “If you can reflect the uniqueness of your brand, your brand will survive.”