top of page
Writer's pictureNIA 100 FACES

ชูใจ กะ กัลยาณมิตร | ครีเอทีฟเอเจนซี สุดยอดผู้สร้างสรรค์เพื่อสังคม

Updated: Jun 19, 2021



ชูใจ กะ กัลยาณมิตร เอเจนซีที่ไม่ได้มุ่งผลิตงานโฆษณาที่สร้างสรรค์เเละมีคุณภาพเพียงอย่างเดียว เเต่ยังคงให้คุณค่ากับความสำคัญของการทำงานเพื่อสังคมในแบบของตนเอง


หากพูดถึงโลกแห่งการโฆษณาหรือการซื้อขายสินค้า ส่วนใหญ่เเล้วจุดมุ่งหมายของโฆษณาก็คือการขายสินค้าและจูงใจผู้บริโภค จะมีใครลุกขึ้นมาทำโฆษณาเพื่อสังคมกัน เเต่สำหรับ “ชูใจ กะ กัลยาณมิตร” บริษัทครีเอทีฟเอเจนซีที่เป็นมากกว่าบริษัทโฆษณา กลับคิดต่างออกไป

หลังจากชีวิตการทำงานในเเวดวงโฆษณามาถึงจุดอิ่มตัว ป๋อม - กิตติ ไชยพร, ยอด - บุญชัย สุขสุริยะโยธิน, เป้า - ไพรัช เอื้อผดุงเลิศ, กิ๊บ - คมสัน วัฒนวาณิชกร และ เม้ง - ประสิทธิ์ วิทยสัมฤทธิ์ จึงตัดสินใจตบเท้าออกจากงานเดิมมารวมทีมกันสร้างบริษัทของตัวเอง ด้วยความตั้งใจที่จะทำงานช่วยเหลือสังคม และทำสิ่งที่มีประโยชน์ให้มากกว่าที่เคยทำอยู่จึงได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทครีเอทีฟเอเจนซีชูใจขึ้นมา

ความท้าทายแรกที่ “ชูใจ” ต้องเจอ จึงเป็นคำถามที่ว่า เราจะหาสมดุลระหว่างรายได้ในเชิงตัวเลขกับการทำประโยชน์เพื่อสังคมได้อย่างไร แล้วการเป็น Social Enterprise หรือองค์กรภาคธุรกิจเพื่อสังคมมันจะต้องมีหน้าตาเเบบไหน ซึ่งสำหรับชูใจเเล้ว มันก็คือการผสมผสานระหว่างสอง สิ่งเข้าด้วยกัน นั่นก็คือ “พาณิชย์” กับ “สังคม” เเละ “รายได้” กับ “ความสุข” รวมถึงการทำงานที่พร้อมกับช่วย “ชูประโยชน์ สังคมเเละตัวเรา” ไปพร้อม ๆ กัน สิ่งนี้เองที่ทำให้ชูใจกลายเป็นบริษัทครีเอทีฟเอเจนซีที่เเตกต่างไม่เหมือนใคร


คำว่าครีเอทีฟมันไม่ใช่ความแปลกอย่างเดียว แต่ว่ามันคือความแปลกแล้วต้องมีประโยชน์ มันถึงจะเรียกว่า ครีเอทีฟ

คมสัน วัฒนวาณิชกร หนึ่งในสมาชิกร่วมก่อตั้ง เล่าให้ฟังว่า “หนึ่งในโพรเจกต์ที่เราทำคือการได้ร่วมงานกับทางธนาคาร TMB เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากเลยทีเดียว ที่ทางลูกค้ามาจ้างชูใจ 2 ล้านบาทให้ทำโฆษณาโพรโมตเว็บไซต์ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “ปันบุญ” สำหรับระดมเงินบริจาค เเต่เรามองว่าถ้าจ้างเงินมากขนาดนี้เอาเงิน 2 ล้านบาทไปบริจาคซะเลยดีกว่า ต่อมาจึงเกิดเป็น “โฆษณา 0 บาท” ที่เราทำกันเองจากเเรงเเละทุนที่มี โดยโฆษณาได้เล่าถึงสิ่งที่เราทำ ก็คือการนำเงิน 2 ล้านบาทไปบริจาคให้กับ 74 มูลนิธิทั่วประเทศที่อยู่ในเว็บไซต์ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า การที่เราเป็นเเรงบันดาลใจหรือเริ่มทำก่อน มันจะช่วยส่งต่อเเรงบันดาลใจให้กับคนทั่ว ๆ ไปให้เขาเห็นความสำคัญของการบริจาค ว่าการ “ให้” นั้นมันมีคุณค่ามากเเค่ไหน ซึ่งผลตอบรับที่ได้กลับมานั้นคือยอดเงินบริจาคกว่า 4 ล้านบาท เเละสิ่งที่เราทำมันก่อให้เกิดผลกระทบที่เป็นวงกว้าง ทั้งต่อคนรอบข้าง สังคม ต่อบริษัททั้งของเราเเละลูกค้า รวมไปถึงคนที่มาบริจาคเอง เพราะใคร ๆ ก็รู้สึกดีทั้งนั้นที่เหมือนตัวเองได้มาร่วมทำสิ่งที่ดีเเละมีประโยชน์”

นอกเหนือจากนี้ ชูใจยังได้ทำอีกหลาย ๆ โพรเจกต์ เช่น LIMITED Education ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาให้กับเด็กด้อยโอกาส หรือโพรเจกต์ BENNETTY ที่มีผลตอบรับดีเกินคาดไปถึงต่างประเทศ ด้วยการสร้างวงดนตรีคนแก่เพื่อให้สังคมรู้ว่าคนแก่ก็มีคุณค่าเเละทำอะไรที่ร่วมสมัยได้ ทั้งหมดนี้เองชูใจได้ทำให้เห็นว่า บริษัทโฆษณาไม่จำเป็นต้องทำเพื่อการค้าเสมอไป เเต่ก็สามารถช่วยสร้างรอยยิ้มเเละประโยชน์ให้สังคมได้เหมือนกัน ช่วยแก้ปัญหาหลาย ๆ อย่างที่อาจถูกมองข้าม ช่วยสร้างการตื่นตัวเเละเปลี่ยนแปลง

“หัวใจสำคัญของการได้มาทำงานตรงนี้ คือการได้เห็นว่าในสังคมยังมีคนใจดีอยู่อีกมาก เอาจริง ๆทุกงานที่เข้ามาก็มาเเบบไม่มีเงินเลย เเต่ถามว่าอะไรเข้ามาแล้วมันได้แรงบันดาลใจ มันก็คงเป็นเรื่องของผลลัพธ์ที่ทำไปแล้วรู้สึกหายเหนื่อย เพราะเราเชื่อว่าอะไรที่มันเป็นสิ่งที่ดี ถึงเเม้งานมันจะไม่ได้สร้างสรรค์มาก เเต่มันมีประโยชน์เเละมีคุณค่า ใคร ๆ ก็อยากยื่นมือมาช่วย และในฐานะที่เราเป็นเอเจนซี เราเหมือนเป็นนักสื่อสารที่มีเวทีให้เราได้ขึ้นมาพูดตลอดเวลา มีคนมาจ้างให้เราพูด มีต้นทุนให้ ถึงแม้การพูดนั้นเบื้องหลังมันคือผลกำไรหรือเม็ดเงินก็จริง แต่เราก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราพูดออกไปด้วย ความรับผิดชอบเหล่านั้นมันก็กลับมาที่ความสร้างสรรค์เพราะคำว่าครีเอทีฟมันไม่ใช่ความแปลกอย่างเดียวแต่ว่ามันคือความแปลกแล้วต้องมีประโยชน์ ผมว่าสิ่งนี้มันคือครีเอทีฟ”


 

With a Little Help from Choojai & Friends

The aim of most, if not all, adversting agencies is to sell products and to attract consumers. However, Choojai and Friends want to make a difference. After their professional life in advertisement reached a saturation point, Kitti Chaiyaporn (Pom), Boonchai Suksuriyayothin (Yod), Phairat Uaphadunglert (Pao), Komson Wattanavanichkorn (Gift), and Prasit Wittayasamrit (Meng) decided to leave their jobs to establish their own company with the intention to help society and do more useful things. The first challenge was how to find the balance of revenue and social contribution, and what it was like to be a social enterprise. For Choojai, it is a combination of two things, which are commerce versus society and income versus happiness, as well as working while gaining benefits for our society and ourselves. With this social mindedness, it encourages them to become a unique creative agency. “As an agency, we are like communicators who have a platform to speak. Someone hires us to speak even if a rationale behind it is a profit or money. But we also have to take responsibility for what we say. Those responsibilities can turn into creativity.”

595 views0 comments

Comments


bottom of page