หนึ่งกำลังสำคัญที่ผลักดันนวัตกรรมทางการเงินให้เข้าถึงคนไทยทั้งประเทศ ในฐานะนายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย
หากจะพูดถึงผู้บุกเบิกวงการสตาร์ทอัพ ฟินเทคในประเทศไทย แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของ“บอม -โอฬาร วีระนนท์” รวมอยู่ด้วย ประกอบกับบทบาทการเป็น “นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย” ที่มีเป้าหมายสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางด้านฟินเทคที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ รวมถึงการขยายโอกาสทำให้คนไทยเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินได้ง่ายขึ้น
โอฬารเล่าว่า สมาคมฟินเทคประเทศไทยเริ่มต้นจากการเป็นคลับในปี 2558 ใช้เวลาเพียง 1 ปีครึ่งก็จัดตั้งเป็นสมาคมที่นานาชาติจับตามอง และขนานนามให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางด้านฟินเทคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อีกหนึ่งเป้าหมายหลักของสมาคมก็คือการทำให้ “นวัตกรรมด้านการเงิน” สามารถเข้าถึงได้ในทุกผู้คน ซึ่งในสมาคมไม่ได้มีเพียงแค่ฟินเทคสตาร์ทอัพเท่านั้น แต่ยังมีองค์กรภาครัฐและสถาบันการเงินขนาดใหญ่ร่วมเป็นสมาชิกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) หรือแม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งการร่วมมือกันของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จะช่วยส่งให้นวัตกรรมด้านการเงินเข้าถึงคนไทยทุกคนได้จริง
“ประเทศไทยมีเครื่องมือทางการเงินที่ยังหลากหลายไม่มากพอ และมีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ การมีเครื่องมือทางการเงินที่ไม่หลากหลาย ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทั้งทางด้านโอกาสและเทคโนโลยี เราพยายามที่จะลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ และเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของสมาคมฯ ในปัจจุบัน”
ในโลกของฟินเทคนับจากนี้ จะไม่ใช่ยุคของการ Disruptive แต่จะเป็นยุคของ Collaborative ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างคนตัวเล็ก ๆ อย่างสตาร์ทอัพ กับบริษัทขนาดใหญ่ หาโซลูชั่นเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเดิม
นอกเหนือจากบทบาทการเป็นนายกสมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทยแล้ว โอฬารยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทดูเรียนคอร์ปปอเรชั่น จำกัด โดยมีพันธกิจหลักคือการนำสตาร์ทอัพและนักลงทุนมาพบกัน เพื่อให้เกิดธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นที่ปรึกษาให้กับสตาร์ทอัพที่มีไอเดีย แต่อาจจะยังขาดทักษะและเทคโนโลยีบางอย่าง หน้าที่ของ ดูเรียน คอร์ปปอเรชั่น คือการ “เติมเต็ม” ให้สตาร์ทอัพก้าวไปสู่จุดสำเร็จได้ง่าย และดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงบทบาทการเป็นผู้ให้ความรู้ด้านการเสริมสร้างองค์กร (Corporate Compass) ให้สอดรับกับโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วด้วยการใช้นวัตกรรมพร้อม ๆ ไปกับการพัฒนาบุคลากรซึ่งนอกจากจะมีหน่วยงานดังกล่าวนี้ภายในดูเรียนคอร์ปปอเรชั่นแล้ว เขายังเป็นวิทยากรให้กับสถาบันและองค์กรต่าง ๆ อีกมากมาย
ในฐานะนายกสมาคมฟินเทคประเทศไทยและเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการฟินเทคสตาร์ทอัพโอฬารมั่นใจว่าเราจะเห็นก้าวต่อไปของวงการฟินเทคสตาร์ทอัพในประเทศไทยเติบโต เราจะได้เห็นเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายมากขึ้น เห็นการร่วมมือกันระหว่างฟินเทคสตาร์ทอัพกับสถาบันทางการเงิน สร้างนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ ปรับรูปแบบการให้บริการทางการเงินที่เข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ และทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินง่ายและสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม และเราจะมีโอกาสได้เห็นสตาร์ทอัพจับมือกับองค์กรขนาดใหญ่เพื่อทำงานร่วมกันมากขึ้น
“ในโลกของฟินเทคสตาร์ทอัพนับจากนี้จะไม่ใช่ยุคของการ Disruptive แต่จะเป็นยุคของ Collaborative ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างคนตัวเล็ก ๆ อย่างสตาร์ทอัพกับบริษัทขนาดใหญ่ หาโซลูชั่น เพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเดิม”
เมื่อถามถึงแนวคิดด้านการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีคุณโอฬารได้ยึดถือในเรื่องของ “ลงมือทำและพัฒนาตนเองตลอดเวลา” เป็นสำคัญ มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าการพัฒนาตัวเองในทุก ๆ วัน จะมีส่วนช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปด้วยเช่นกัน
A Man Who Connects Finance with Technology
Olarn Weranond is well known for being a Thai pioneer in FinTech, which is a simple combination of two words: finance and technology. Besides that, he is also the president of the Thailand FinTech Association, which aims high to make the country the centre of FinTech among international views. The association was established in 2015 and has achieved its first goal to promote Bangkok as the FinTech centre in southeast Asia. Moreover, the association is determined to create a “financial innovation” accessible by all groups of people. As Thailand only has a few financial instruments which have not been available to a large number of people, it leads to disparities in both business opportunity and technology. Therefore,one of the missions of the association is to reduce the disparity. Olarn is convinced that we will get to witness the continuous growth of FinTech Startups in Thailand, increase in variety of financial instruments, and collaboration between startups and financial institutes to generate new financial innovations. He believes, from now on, we will enter the collaborative era in which collaboration brings about new better things. Olarn concluded that self-improvement plays a major role, and it also pushes the country forward.
Comentarios