top of page
Writer's pictureNIA 100 FACES

ชนาธิป สรงกระสินธ์ | นักเตะลูกหนังไทย พุ่งไกลถึงระดับโลก

Updated: May 31, 2021



แบบอย่างของความฝันที่เกิดจากความพยายาม เส้นทางที่เต็มไปด้วยความตั้งใจของนักเตะชาวไทยในเวทีระดับเอเชีย


สำหรับนักเตะวงการลูกหนังสัญชาติไทย เราเชื่อว่าความฝันของพวกเขาไม่ได้หยุดแค่เพียงการเล่นให้กับสโมสรในลีกของประเทศ หรือเป็นตัวแทนนักเตะทีมชาติไทยเพียงเท่านั้น แต่การได้ก้าวออกไปเหยียบพื้นสนามหญ้าบนผืนแผ่นดินที่พวกเขาไม่คุ้นเคย ได้ร่วมทีมกับนักเตะหลากหลายประเทศในฐานะ “สมาชิกชาวไทย” ของสโมสรระดับโลก คือหนึ่งในเครื่องยืนยันความสำเร็จในสายอาชีพ “เจ - ชนาธิป สรงกระสินธ์” หรือที่แฟนบอลชาวไทยรู้จักในนาม “เมสซี่เจ” คือหนึ่งในคนที่ทำได้

“พ่อของผมชื่นชอบกีฬาฟุตบอลมาก เขาก็มีความฝันว่าถ้ามีลูกอยากให้ลูกเตะบอล อยากให้ลูกติดทีมชาติ เป็นนักฟุตบอลอาชีพ เมื่อก่อนยังไม่มีลูกฟุตบอลเขาก็ปั้นหนังสือพิมพ์แล้วก็โยนให้ผมเตะ” เจเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เท้าของเขาได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า “ฟุตบอล” อันเกิดจากความตั้งใจของผู้เป็นพ่อ

จากการเล่นฟุตบอลด้วยความสนุกในยามว่าง แต่การซ้อมอย่างจริงจังวันละ 1 ชั่วโมงครึ่งถึง 3 ชั่วโมง ด้วยทักษะที่พ่อของเขาครูพักลักจำมาอีกที การเลี้ยงบอล เตะ สับเท้า กลายมาเป็นทักษะที่เปลี่ยนการเตะฟุตบอลเพื่อความสนุก กลายเป็นความชอบและความรักในอีกไม่กี่ปีต่อมา

“ช่วงแรก ๆ ผมไปคัดตัวหลายที่ก็ไม่มีใครเอานะ เขาบอกว่าผมตัวเล็ก จนพ่อมาถามผมว่าจะสู้ต่อไหม ผมก็ตอบไปว่าผมจะสู้ต่อ” จากการเป็นสมาชิกช้างเผือกของโรงเรียน เล่นจนได้แชมป์หลายสมัย หลายลีก เจในวัย 17 ปีได้ก้าวสู่จุดเริ่มต้นวงการลูกหนังระดับมืออาชีพกับสโมสรบีอีซี-เทโรศาสน ในฐานะนักเตะในอะคาเดมี จนท้ายที่สุดเขาก็สานฝันให้ตัวเองและพ่อได้สำเร็จกับการเป็นสมาชิกทีมเยาวชนทีมชาติไทยในวัย 19 ปี


ทุกคนมีความฝันได้ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรกับความฝันนั้น มันจะเป็นความเพ้อฝัน

“ผมว่าคนเราต้องมีเป้าหมายตั้งแต่เด็กเลย การจะทำอะไรเราจะต้องตั้งเป้าหมายของเราก่อนถ้าไม่มีเป้าหมาย ทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ มันจะทำให้เราไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ ถ้าเราจะทำอะไรให้ทำเลย พยายามทำในสิ่งที่เรารัก ยังไงมันก็ดี” เขาบอกกับเรา

ระยะเวลากว่า 7 ปีที่ชนาธิปก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลในฐานะนักเตะทีมชาติ ในบางวันฝึกซ้อมหนักถึง 3 ชั่วโมงติดต่อกัน ได้แสดงผลงานให้ทั้งแฟนบอลและ “แมวมอง” เห็นถึงความสามารถที่น่าจับตามอง ทำให้เขาได้ก้าวสู่การเป็นนักเตะระดับสากล กับการถูกยืมและซื้อตัวเข้าสโมสรฟุตบอลในประเทศญี่ปุ่นอย่างคอนซาโดเลซัปโปโรเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว การปรับตัวให้เข้ากับสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างว่ายากแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องพิสูจน์ตัวให้เป็นที่ยอมรับ คือสมาชิกร่วมทีม ซึ่งต้องมีฝีเท้าเป็นผลงานในการทำให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อน ๆ

ปัจจุบันความฝันของชนาธิปในวัย 26 ปีอาจไม่แตกต่างจากเด็กชายที่เตะลูกฟุตบอลกระดาษกับพ่อ กับการเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพ เพียงแต่ขอบเขตของความฝันของเขาขยายออกไกลกว่าเดิม กับการก้าวไปเล่นในลีกประเทศยุโรป มากไปกว่านั้นการก้าวไปสู่บอลโลก ในฐานะสมาชิกทีมชาติไทย “ผมคิดว่าทุกคนมีความฝันได้ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรกับความฝันนั้นมันจะเป็นความเพ้อฝัน คนที่ไปถึงความฝันของเขาได้ คือคนที่มีความพยายาม และมุ่งมั่นที่จะทำมันให้สำเร็จ”

“ผมรู้สึกขอบคุณน้อง ๆ ทุกคนที่มีผมเป็นแรงบันดาลใจ เพราะพวกเขาก็เป็นแรงบันดาลใจในการเป็นนักกีฬาให้กับผมและนักกีฬาคนอื่น ๆ เหมือนกัน เราต้องพยายามดูแลตัวเองและพยายามพัฒนาตัวเอง เพื่อให้น้อง ๆ เห็นเราเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะวันหนึ่งผมก็ต้องมาดูน้อง ๆ เล่นฟุตบอลแทนผม อยากให้ทุกคนสู้ ๆ ครับ ถ้าน้อง ๆ ใช้ความพยายามถูกกับสิ่งที่เราถนัด ความพยายามมันจะไม่ทำร้ายเราแน่นอนครับ”


 

Road to the Victory

To step into a field outside the country and to get to play with international footballers as a member of world leading football clubs are the highest dream of a Thai footballer. Chanathip Songkrasin, aka Messi J, is one of those footballers who has made it. “My dad loves football. He dreams of having a son who plays football, becomes a national player, a professional player. When we didn’t have a ball, my dad would mold a newspaper for me to practise kicking.” From a fun hobby to love, despite his physical figure considered unfit by many, Chanathip played for his school, won different cups, different leagues before kicking off his professional career at the age of 17 with BEC-Tero Sasana and became a member of Thailand National Team at the age of 19. He made it to the national team when he was 19. His international debut was with a Japanese club, Hokkaido Consadole Sapporo, where his skills and competence were put to test. It was not just cultural differences but also getting acceptance from his team players that drove him towards his success. At 26, he is now dreaming of a European league. His goal, of course, is to be part of the World Cup as a member of Thailand’s national team. “I am thankful for all the support. They’re my inspiration. I would like everyone to keep fighting, keep trying. If you put your effort in the right place, it will never hurt us.”


122 views0 comments

댓글


bottom of page